ยางกินในคืออะไร

ยางกินในเป็นปัญหาที่หลายคนอาจจะไม่ทันได้คำนึงถึงมากเท่าไหร่ เพราะปัญหานี้จะซ่อนอยู่ด้านในของยาง

หากไม่ลองก้มลงไปมองหรือสังเกตุแบบละเอียด ๆ คงจะไม่รู้ตัว โดยลักษณะของยางกินในคือ บริเวณไหล่ยางด้านในจะสึกหรอมากกว่าปกติ กล่าวคือดอกยางด้านในจะเหลือน้อยถ้าเปรียบเทียบกับบริเวณอื่น เช่น บริเวณกลางยาง หรือไหล่ยางด้านนอก

การตั้งศูนย์แก้ไขปัญหายางกินในได้อย่างไร

หนึ่งในสาเหตุหลักของยางกินในเกิดจากการตั้งค่าศูนย์ล้อที่ไม่สมดุล ดังนั้นจึงแก้ได้โดยการปรับแต่ง 3 มุมของล้อ เพื่อให้ศูนย์ล้อได้องศาที่พอดี

1. มุม Camber คือมุมที่ทำให้ส่วนบนของยางเอียงเข้าหรือออกนอกตัวถังรถ เช่น ถ้าด้านบนของยางเอียงเข้าด้านในตัวถังรถหรือใกล้โช้คอัพมากเท่าไร หมายความว่าค่ามุมแคมเบอร์จะเป็นลบมากเท่านั้น และถ้าด้านบนของยางเอียงออกนอกตัวถังรถมากเท่าไร หมายความว่าค่ามุมแคมเบอร์จะเป็นบวกมากเท่านั้น ทั้งค่าบวกและค่าลบของมุมแคมเบอร์ ถ้ามีมากเกินมาตรฐานที่กำหนดจะทำให้ดอกยางสึกหรอหรือกินยางขึ้น

2. มุม Caster คือมุมที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมพวงมาลัยรถ เป็นตัวกำหนดการถอยหลังหรือเดินหน้าของล้อ โดยยึดจากจุดศูนย์กลาง ถ้ามุมแคสเตอร์เป็นบวก ในขณะที่เราเลี้ยวรถและปล่อยพวงมาลัย จะมีแรงจากที่รถวิ่งไปข้างหน้ามาช่วยดันให้ล้อกลับมาตั้งตรงได้เหมือนปกติ แต่ในทางกลับกัน ถ้ามุมแคสเตอร์เป็นลบ แรงจากด้านหน้าจะยิ่งส่งผลให้ล้อหมุนมากเกินไปจนยากที่จะควบคุมเมื่อรถเลี้ยว

3. มุม Toe คือมุมที่กำหนดด้านหน้าของล้อ ควรตั้งค่ามุมโทอิน และมุมโทเอาต์ให้ได้มาตรฐานตามระบบขับเคลื่อนของรถแต่ละประเภท เพื่อที่ยางจะได้เกาะถนน และไม่สึกหรอก่อนเวลา รถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะต้องตั้งค่ามุมโทเอาต์ล้อหน้ามากกว่าล้อหลัง เพราะล้อจะดึงไปข้างหน้าเมื่อมีการเร่งความเร็ว ส่วนรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังควรตั้งองศาโทเอาต์ล้อหน้าน้อยเพราะมีแรงจากล้อหลังที่ส่งให้มายังล้อหน้าเอียงออกอยู่แล้ว

จะเห็นได้เลยนะครับว่า แต่ละมุมของยางล้วนมีความสำคัญต่อการขับขี่ของเรา หากรถของเราไม่ได้รับการตั้งศูนย์ที่ถูกต้อง ยางอาจจะสึกหรอไม่เท่ากัน หรือหมดสภาพก่อนกำหนด ดัังนั้นหากพบอาการผิดปกติของยางหรือต้องการตรวจเช็กเบื้องต้น สามารถเข้ามาปรึกษา Mr. FIT ที่หน้าสาขาได้นะครับ

เรามีบริการตรวจเช็กรถฟรี (มูลค่า 250.-) หรือถ้าต้องการรับบริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เราก็พร้อมให้บริการครับ