เช็กเลย! ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ตอนไหน

‘ยาง’ เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ ที่มีหน้าที่ช่วยในการขับเคลื่อน อีกทั้งยังทำหน้าที่รองรับน้ำหนักพร้อมช่วยลดแรงกระแทกระหว่างตัวรถและถนนให้รถได้วิ่งอย่างนุ่มนวลและปลอดภัย รวมทั้งช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดีตลอดเวลาขณะรถวิ่งอยู่บนถนนด้วยความเร็วต่าง ๆ กัน ซึ่งถ้าหากยางชำรุดหรือเสื่อมสภาพจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ สมรรถนะของรถและความปลอดภัยในการเดินทางของคุณ วันนี้ Mr. FIT จึงจะมาแนะนำวิธีการเช็กยางแบบคร่าว ๆ ว่ารถเราถึงคราวเปลี่ยนยางแล้วหรือยัง?

เช็กอายุการใช้งาน

โดยปกติยางรถยนต์สามารถใช้งานได้ 2 - 5 ปี หรือประมาณ 30,000 - 40,000 กิโลเมตร ทั้งนี้แล้วแต่สภาพการใช้งานของแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับยางที่ไม่ได้ใช้งานหนัก ขับในระยะทางที่ไม่ไกล และเจอสภาพถนนที่ค่อนข้างดี แต่ทั้งนี้จากปัจจัยต่างๆ รวมไปถึงพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนที่ต่างกัน ก็ส่งผลต่อสภาพยางต่างกันได้ ปกติการเปลี่ยนยางจากผู้ผลิต แนะนำให้เปลี่ยนยางทุกๆ 2 ปีหรือ 50,000 กิโลเมตร นับตั้งแต่วันที่ติดตั้งยาง ซึ่งสามารถเช็กดูได้จากสัปดาห์และปีที่ผลิตตรงแก้มยาง เช่น 15 23 หมายถึง ผลิตสัปดาห์ที่ 15 ปี 2023

เช็กสภาพยาง

ยางเมื่อใช้ไประยะหนึ่งก็จะเกิดการสึกหรอขึ้น ข้อสังเกตสภาพยางที่จะสึกหรอ คือ
1. หน้ายางจะมีร่องรีดน้ำและมีเส้นขวางอยู่ตรงกลางเรียกว่า “สะพานยาง” ถ้าดอกยางสึกถึงขอบเส้นสะพานยาง อาจทำให้เมื่อรถวิ่งผ่านแอ่งน้ำจะทำให้หน้ายางไม่เกาะติดกับถนน ซึ่งอาการนี้อาจทำให้เกิดอันตรายขณะเลี้ยวรถได้ จึงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแล้วครับ
2. สังเกตบริเวณไหล่ทั้งสองข้าง ซึ่งปกติจะต้องสึกเสมอกัน แต่หากสึกไม่เท่ากันหรือสึกเพียงข้างใดข้างหนึ่ง หมายความว่าลมยางอ่อนหรือช่วงล่างรถยนต์หลวมหรือแตก ซึ่งนอกจากต้องเปลี่ยนยางใหม่แล้วยังต้องซ่อมช่วงล่างด้วยครับ
3. บริเวณแก้มยางซึ่งเป็นส่วนที่นิ่มที่สุดและเกิดความเสียหายง่าย เช่น มีรอยเบียด รอยบดเป็นเส้นรอบวงหรือบวมปูด ซึ่งจะเป็นอันตรายช่วงยางรับแรงกระแทกอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนทันทีครับ

ถึงแม้ท่านจะดูแลรักษายางดีอย่างไรก็ตาม เมื่อพบว่ายางครบตามระยะทางที่ผู้ผลิตยางแนะนำหรือสภาพยางทั้งหน้ายาง ไหล่ยางและแก้มยางมีสภาพที่ไม่ปลอดภัย Mr.FIT ขอแนะนำให้ท่านมาตรวจเช็คหรือเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้ที่ FIT Auto ทุกสาขาใกล้บ้านท่านกันนะครับ

version: 1.0.3