เติมน้ำมันผิด ทำยังไงให้ชีวิตไม่เปลี่ยน!
โพสต์เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 22
หากเติมน้ำมันผิดประเภทต้องทำยังไง อาการที่เกิดขึ้นกับรถของคุณจะเป็นแบบไหน ต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถพังไปซะก่อน
หลายคนคงมีคำถามอยู่ในใจ ใครจะไปเติมน้ำมันผิดประเภทใส่รถยนต์ตัวเองได้ ไม่มีหรอก
นี่มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนขับรถต้องรู้เลยนะ อ๊ะ! Mr. FIT ขอเตือนเลยนะครับว่าอย่าชะล่าใจ เรื่องเล็กๆ แบบนี้
พลาดกันมานักต่อนักแล้วครับผม
เนื่องจากปัจจุบัน น้ำมันเชื้อเพลิงที่เราเติมกันอยู่มีหลากหลายประเภท
และชื่อเรียกก็ค่อนข้างที่จะคล้ายคลึงกันมากพอสมควร จนบ้างครั้งอาจจะเผลอบอกน้องๆ ผู้คุมหัวจ่าย
ผิดแบบไม่รู้ตัว
แต่..แต่..แต่.. ไม่ต้องกังวลไปนะครับ วันนี้ Mr. FIT มีวิธีการแก้ไข หากคุณเติมน้ำมันผิดประเภท
จะต้องทำอย่างไร อาการที่เกิดขึ้นกับรถของคุณจะเป็นแบบไหน
ต้องปฏิบัติและแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถของคุณมีปัญหาไปซะก่อน วันนี้มาหาคำตอบกันครับผม
รถยนต์ในปัจจุบันแบ่งเครื่องยนต์ออกเป็น 2 ประเภท คือ เบนซินและดีเซล โดยเครื่องยนต์แต่ละประเภท
ก็จำเป็นจะต้องเติมน้ำมันให้ได้ถูกต้องตามเครื่องยนต์นั้นๆ หากเติมน้ำมันผิด หรือเติมน้ำมันสลับกันขึ้นมา
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลักๆ คือ
กรณีเครื่องยนต์ดีเซลเติมน้ำมันเบนซิน
1. มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ สะดุด และเครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด
2. มีปัญหาในการสตาร์ทเครื่องใหม่ ไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้
3. หัวฉีดเกิดการฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้แล้วเกิดการลุกไหม้เร็วจนเกินไปทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง
และดับทันที
4. อุปกรณ์ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย เช่น ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั๊มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล
กรณีเครื่องยนต์เบนซินเติมน้ำมันดีเซล
1. จะทำให้หัวฉีดอุดตัน (น้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน) หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละออง
จึงทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ
2. ไส้กรองเบนซินอุดตัน หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละอองและเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับมาก
3. เครื่องยนต์จะมีเสียงดังขณะที่คุณกำลังเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ
และไม่สามารถทำความเร็วได้ดี
4. ระบบแสดงไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎขึ้น และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ในที่สุดไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้
เมื่อเติมน้ำมันผิด ต้องทำอย่างไร?
รู้ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
1. ปิดสวิตช์กุญแจห้ามสตาร์ทรถยนต์โดยเด็ดขาด เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดจะถูกปั๊มดูดเข้าไปในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงทันที
2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้หมด
3. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5-10 ลิตร
4. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด
5. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่างๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย)
6. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
7. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อน “D” หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
8. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ
รู้หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้วจนหยุดทำงาน
1. ให้ปิดสวิตช์กุญแจดับเครื่องยนต์ทันที
2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังทั้งหมด
3. ถอดและเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่
4. ถอดหัวฉีด (ดีเซลหรือเบนซิน) และหัวเทียน (เบนซิน) ล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่
5. ถอดปั๊มหัวฉีดเครื่องยนต์ดีเซลส่งไปร้านเทสปั๊มหัวฉีดดีเซล (เครื่องยนต์เบนซินไม่มี)
6. ถอดฝาสูบเครื่องยนต์ เช็กความบิดเบี้ยว (ฝาโก่ง) ก้านวาล์ไอดี-ก้านวาล์วไอเสียคดหรือไม่
(อาจจะต้องเปลี่ยนฝาสูบและก้านวาล์วทั้งไอดีและไอเสีย)
7. หลังจากจัดการข้อ 4-6 เรียบร้อยแล้วให้ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์แล้วเติมน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ในถังประมาณ 5-10 ลิตร
8. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5 -10 ลิตร
9. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด
10. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่างๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย)
11. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
12. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อน “D” หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
13.ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการเติมน้ำมันผิดประเภท
ถึงแม้เหตุการณ์การเติมน้ำมันผิดประเภท อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ควรละเลย หรือชะล่าใจ บางครั้งด้วยความเคยชิน หรือเกิดอาการเผลอ อาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้
ทางที่ดี เมื่อเกิดเหตุการณ์การเติมน้ำมันผิดประเภทขึ้น อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งสำคัญ 2 สิ่งเหล่านี้เป็นหลัก นั้นคือ การมีสติ และ การได้รับบริการจากช่างที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องยนต์ต่างๆเพื่อเข้าทำการดูแลให้ความช่วยเหลือนะครับ
ซึ่งหากต้องยืมมือผู้ช่วยที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งการบริการที่มั่นใจได้ ช่างผู้เชี่ยวชาญจาก FIT Auto
พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือเสมอครับ ทั้งบริการตรวจสภาพรถที่ได้มาตรฐาน และบริการซ่อมแซมเครื่องยนต์
มองหาสิ่งเหล่านี้ได้จาก FIT Auto ทุกสาขาใกล้บ้านคุณนะครับ
📱 ติดตามข่าวสารทาง Instagram : https://bit.ly/3it73jd
📲 โหลด FIT Auto ได้แล้ววันนี้ : https://downloadapp.pttfitauto.com/"ฎ
🕵 ค้นหา FIT Auto ใกล้บ้าน : www.pttfitauto.com/th/branch
🔧 จองบริการตรวจเช็กฟรี : www.pttfitauto.com/th/booking
☎️ ติดต่อ Call Center โทร : 1365 กด 17
#ทุกเครื่องฟิตต่อติดทุกเส้นทาง
#FITAuto #เชี่ยวชาญบริการจากใจ