มือใหม่หัดเอ๊ะ! ไส้กรองอากาศ สิ่งเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในสาเหตุที่อาจทำให้เครื่องยนต์อายุการใช้งานสั้นลงก่อนเวลาอันควร

ไส้กรองอากาศ หรือที่เราเรียกกันว่า Air Filter เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของรถยนต์ที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะไส้กรองอากาศนั้น เป็นตัวที่จะช่วยกรองและดักจับฝุ่นละอองรวมไปถึงสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าสู่ห้องเผาไหม้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ได้ เมื่อใช้มาระยะหนึ่ง ไส้กรองอากาศอาจมีอาการอุดตันจากเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรก อาจส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ และทำให้อากาศหรือออกซิเจนผ่านเข้าไปผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้น้อยลง และอาจส่งผลให้การเผาผลาญของเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ อัตราการเร่งลดลง ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้ในที่สุด

แล้วเราควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศตอนไหน ไส้กรองอากาศมีระยะเวลาการใช้งานเท่าไรไส้กรองอากาศมีกี่แบบให้เลือกใช้ อะไรคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศได้แล้ว วันนี้ Mr. FIT อาสาพาไปเอ๊ะ! กันครับ

อายุการใช้งานของไส้กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศโดยส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับระยะทางที่รถวิ่ง (กิโลเมตร) โดยส่วนมากควรถอดนำมา “เป่า” ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และมักจะเปลี่ยนไส้กรองอากาศกันอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 40,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ระยะเวลาการเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้รถยนต์ของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป

ประเภทของไส้กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. ไส้กรองอากาศชนิดแห้ง มักติดมากับรถที่ส่งมาจากโรงงานเลย มีราคาถูก ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ เส้นใยพืช และขนสัตว์ ส่วนใหญ่ใช้งานแล้วทิ้ง แต่ยังสามารถนำออกมาทำความสะอาดโดยการเป่าได้

2. ไส้กรองอากาศชนิดเปียก มักใช้น้ำมันเป็นตัวดักจับฝุ่นละออง ส่วนใหญ่ใช้ในรถรุ่นเก่า มีลักษณะเหมือนกับไส้กรองอากาศชนิดแห้ง แต่ในแผ่นไส้กรองอากาศ จะมีน้ำมันหล่อไว้ภายใน เพื่อดักจับเศษฝุ่นละอองที่เข้ามา ไส้กรองอากาศชนิดนี้มักใช้แล้วทิ้งเลย ไม่นิยมนำกลับมาทำความสะอาด

3. ไส้กรองอากาศแบบสแตนเลส หรือไส้กรองเปลือย เหมาะกับรถที่ต้องการเพิ่มสมรรถณะในการขับขี่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการดักจับฝุ่น มีตัวกรองที่จะเอียดมากถึง 0.75 ไมครอน จุดประสงค์เพื่อให้อากาศไหลผ่านได้มากกว่าไส้กรองปกติ มักใช้กับรถที่โมดิฟายด์เครื่องยนต์ สามารถใช้งานได้หลายครั้ง ด้วยการล้างทำความสะอาดแล้วเคลือบน้ำยาใหม่

5 สัญญาณเตือนบอกว่าต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ
หากรถยนต์ของคุณเกิดอาการดังต่อไปนี้ ต้องเริ่มที่จะเอ๊ะ! หรือเอะใจได้แล้วครับ ว่าไส้กรองอากาศน่าจะเริ่มมีปัญหาและอาจถึงเวลาต้องทำความสะอาดหรือเปลี่ยนสักที

- กำลังเครื่องยนต์ตก เครื่องเริ่มเร่งไม่ขึ้น
- ตัวไส้กรองอากาศ เมื่อถอดออกดูมีคราบฝุ่น หรือสิ่งสกปรกติดอยู่เป็นจำนวนมาก
- สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
- เครื่องยนต์มีเสียง เหมือนมีปัญหาในการดูดอากาศ
- สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลมีควันดำเขม่าดำออกจากท่อไอเสีย ถ้าเป็นเครื่องยนต์เบนซินจะไม่มีควันหรือเขม่าดำแต่จะมีกลิ่นไอน้ำมันเบนซินออกมามาก
- เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ค่อยติด หรือมีอาการสั่นผิดปกติ เนื่องจากอากาศไหลเข้าไปในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์น้อยไม่ได้ตามสัดส่วนตามประเภทของเครื่องยนต์ ทำให้การเผาไหม้เครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์

เห็นไหมครับ หากเราสามารถเอ๊ะ! หรือ สังเกตอาการผิดปกติของเจ้าสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า ไส้กรองอากาศได้ ก็จะช่วยทำให้เครื่องยนต์ของเราไม่ เสียหาย หรือสึกหรอก่อนระยะเวลาอันควร แถมในความเป็นจริงการทำความสะอาด หรือเปลี่ยนไส้กรองอากาศด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

แต่หากต้องการให้ช่างผู้เชี่ยวชาญจัดการให้ ลองมองหา FIT Auto สาขาใกล้บ้านคุณได้เลยครับ เรามีบริการที่จะดูแลในเรื่องของไส้กรองอากาศ และการตรวจสภาพเครื่องยนต์อีกเพียบ ลองเลี้ยวรถกันเข้ามาใช้บริการดูนะครับ

📱 ติดตามข่าวสารทาง Instagram : https://bit.ly/3it73jd
📲 โหลด FIT Auto ได้แล้ววันนี้ : https://downloadapp.pttfitauto.com/
🕵 ค้นหา FIT Auto ใกล้บ้าน : www.pttfitauto.com/th/branch
🔧 จองบริการตรวจเช็กฟรี : www.pttfitauto.com/th/booking
☎️ ติดต่อ Call Center โทร : 1365 กด 17

#ทุกเครื่องฟิตต่อติดทุกเส้นทาง
#FITAuto #เชี่ยวชาญบริการจากใจ