สูตรลับขับรถประหยัดน้ำมันได้! เซฟเงินด้วย!

สูตรลับขับรถประหยัดน้ำมันได้! เซฟเงินด้วย!

ขับรถแบบนี้ไม่ว่าจะยุคไหน ก็ประหยัดน้ำมันได้! “ค่าน้ำมัน” เป็นค่าใช้จ่ายหลักของทุกคนที่มีรถยนต์ ซึ่งการที่รถใช้น้ำมันมากกว่าปกตินั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุทั้งจากพฤติกรรมการใช้รถ หรือจากเครื่องยนต์ที่มีปัญหา แต่ไม่ว่าเกิดจากสาเหตุใดเราสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้!
วันนี้ Mr. FIT จะมาบอกถึงสาเหตุรวมไปถึงเทคนิคที่ทำได้ง่ายๆ ให้เราได้ขับรถแบบเซฟเงินในกระเป๋าได้! ประหยัดน้ำมันด้วย!

สาเหตุที่ส่งผลทำให้รถใช้น้ำมันมากขึ้น
1.ไส้กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศที่สกปรกและอุดตัน ทำให้อากาศไหล่ผ่านเข้าไปในเครื่องยนต์ได้น้อยทำให้การเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่หมดจด จึงส่งผลให้เกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เป็นควันสีดำหรือกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาที่ปลายท่อไอเสีย

2.หัวเทียน (เฉพาะเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ติดแก๊ส)
หากเสื่อมสภาพจะทำให้การจุดระเบิดเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊สไม่สมบูรณ์จนทำให้รถยนต์มีกำลังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลถึงอัตราเร่งและความแรงลดลง

3. หัวฉีด
หัวฉีดที่อุดตันจะฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เป็นฝอยละอองจะส่งผลให้การเผาไหม้ไม่หมดจด ซึ่งในแต่ละครั้งจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊สมากกว่าปกติ หากเป็นเครื่องยนต์ดีเซล สามารถดูได้ง่ายๆ ที่ควันดำจากท่อไอเสีย

4.คอยล์จุดระเบิด (เฉพาะเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ติดแก๊ส)
หากเสื่อมสภาพจะทำให้เครื่องยนต์เดินเบา, สั่น, รถสตาร์ทติดยาก และเร่งความเร็วแล้วเครื่องจะสะดุด และหัวเทียนจะเสื่อมเร็วก่อนกำหนดรวมทั้งการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊สจะไม่หมดจดไปด้วย

5.ลมยาง
ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้ต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้นส่งผลให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และถ้าหากเติมลมยางให้ยางแข็งเกินไป จะทำให้ความสามารถในการเกาะถนนลดลง

6.สายพานหน้าเครื่อง
สายพานหน้าเครื่อง ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์ ไปยังอุปกรณ์ต่างๆ โดยพลังงานในส่วนนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานอื่นๆ เช่น ปั้มเพาเวอร์ ไดชาร์จ คอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งหากหย่อนเกินไปอาจส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่สมบูรณ์แต่ถ้าตรึงเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้นและลูกปืนต่างๆแตก เช่น ไดชาร์จ ปั้มเพาเวอร์ , ปั้มน้ำ , หน้าคลัตช์คอมเพชรเซอร์แอร์

7.การระบายความร้อนด้วยน้ำยาหล่อเย็นเครื่องยนต์
สาเหตุนี้ต้องเช็กที่หม้อน้ำ หากน้ำยาหล่อเย็นเสื่อมสภาพหรือเป็นสีสนิมจะส่งผลให้เครื่องร้อนมากขึ้น และทำให้เครื่องเผาไหม้เร็วเกินไป จึงทำให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น

เทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่ายๆ

1.ไม่เหยียบเบรกกระทันหัน
การเหยียบเบรกบ่อยๆ ไม่เป็นผลดีกับตัวเครื่องยนต์ รวมถึงจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันกว่าปกติ มีผลวิจัยจากทางยุโรปบอกว่าการเบรกบ่อยๆ ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันได้ถึง 40% ดังนั้นเวลาขับรถควรจะสังเกตสิ่งรอบข้าง และมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่ต้องเหยียบเบรกบ่อยๆ ช่วยประหยัดน้ำมัน แถมยังช่วยรักษาสภาพยาง และผ้าเบรกไม่ให้สึกก่อนเวลาได้

2.ใช้ความเร็วคงที่หรือประมาณ 60-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หลายคนเข้าใจว่าขับรถที่ความเร็วไม่สูงจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ แต่ความจริงแล้ว! การรักษาความเร็วที่คงที่และสม่ำเสมอ เป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้รถเราประหยัดน้ำมันได้ และรถแต่ละคันก็จะมีระดับความเร็วที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดไม่เท่ากัน ดังนั้นขับเร็วเกินไปหรือขับช้าเกินไปก็กินน้ำมันเหมือนกัน

3.ตรวจเช็กเครื่องยนต์ตามคู่มือแนะนำ( ตามระยะทางใช้งานต่อกิโลเมตร )
การตรวจเช็กตามคู่มือรถยนต์ และดูแลเป็นประจำ ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3 - 9% การปล่อยละเลย ไม่ดูแลรักษาเครื่องยนต์มีผลเสียหลายด้าน ทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานสั้นลงและกินน้ำมันมากขึ้น หมั่นตรวจเช็กไส้กรองอากาศ ระบบระบายความร้อน เช็คหัวเทียนเสื่อมสภาพ การจุดระเบิดและการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง เป็นต้น

4.เช็กลมยางให้เหมาะสม
จากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น เราควรเช็กลมยางให้อยู่ในระดับมาตราฐานที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้วที่สำคัญการที่รถเรามีลมยางที่ไม่เหมาะสม จะทำให้ยางมีอายุการใช้งานที่สั้นลงด้วย

5.บรรทุกของเท่าที่จำเป็น
น้ำหนักรถมีผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะเมื่อมีของเยอะขึ้นเครื่องยนต์ก็จะต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้รถเราต้องใช้น้ำมันเยอะกว่าปกติ ดังนั้นถ้าเราลดการบรรทุกสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้

6.เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด
รถที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามรอบระยะ จะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยกว่ารถที่ไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นเวลานาน

ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุและเทคนิคง่ายๆ ที่จะมาช่วยให้เราได้ขับรถแบบประหยัดน้ำมันกันมากขึ้น หากใครต้องการเช็กรถอย่างละเอียดให้เลี้ยวรถมาที่ FIT Auto ได้เลยนะครับ เรามีบริการตรวจเช็กรถฟรี 35 รายการ ด้วยความห่วงใยจาก FIT Auto

version: 1.0.3